อิหร่านข่มขู่อิสราเอลด้วยสงครามนิวเคลียร์

อิหร่านเตือนอิสราเอลว่ามีแนวโน้มทบทวนจุดยืนด้านนิวเคลียร์ หากโรงงานปรมาณูของตนถูกคุกคาม ในขณะที่ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นภายหลังการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธของสาธารณรัฐอิสลามเมื่อสุดสัปดาห์ หน่วยพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เตหะรานอาจ “พิจารณา” นโยบายนิวเคลียร์ของตน ซึ่งพวกเขายืนกรานมานานแล้วว่าเป็นเพียงความสงบสุข แต่มหาอำนาจตะวันตกกล่าวว่าได้กำหนดให้อิหร่านเข้าสู่เกณฑ์ของการกลายเป็นรัฐอาวุธ คำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อโครงการโดรนของอิหร่าน เพื่อตอบโต้การโจมตีอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ “พิจารณาทบทวนหลักคำสอนและนโยบายนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน - - มีความเป็นไปได้และจินตนาการได้ หากระบอบไซออนิสต์ปลอมขู่ว่าจะโจมตีศูนย์นิวเคลียร์ในประเทศของเรา” พล.ต.อาหมัด ฮัก ทาลาบ ผู้ดูแลความมั่นคงของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของอิหร่าน กล่าว ความคิดเห็นของเขาถูกตีพิมพ์ในสำนักข่าวกึ่งทางการตัสนีม ซึ่งอยู่ในเครือของหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติ ซึ่งเป็นกองกำลังทหารที่ทรงอิทธิพลที่สุดของอิหร่าน ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้แข็งกร้าวของระบอบการปกครองเคยขู่ว่า ในช่วงที่ความตึงเครียดกับชาติตะวันตกเพิ่มสูงขึ้น อิหร่านอาจถอนตัวออกจากสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธ ซึ่งควบคุมโรงงานนิวเคลียร์ของประเทศต่างๆ ฮัก ทาแล็บเตือนอิสราเอลว่าการรุกรานโรงงานของอิหร่านจะต้องตอบสนองที่แหล่งอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล ซึ่งรัฐยิวไม่เคยยอมรับว่าครอบครอง อิสราเอลให้คำมั่นที่จะตอบโต้การโจมตีของอิหร่านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเตหะรานได้ยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูก การโจมตีดังกล่าวกระตุ้นให้วอชิงตันประกาศคว่ำบาตรบุคคล 16 รายและบริษัท 2 แห่งที่ช่วยเหลือการผลิตยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับ เช่น โดรน เมื่อวันพฤหัสบดี โดยสอดคล้องกับมาตรการที่ประกาศโดยสหราชอาณาจักร “เรามุ่งมั่นที่จะดำเนินการร่วมกันเพื่อเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน” ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าว และเสริมว่าคณะบริหารของเขา “จะไม่ลังเลที่จะดำเนินการที่จำเป็นทั้งหมด” เพื่อให้เตหะรานต้องรับผิดชอบ